Latest Post

นักเตะแชมป์โลก ที่เคยอยู่ เชลซี มีใครกันบ้าง นักเตะเชลซี ฟุตบอลโลก 2022 ใครไปได้ไกลที่สุด

หลังจากจบฟุตบอล ฟุตบอลลีกใหญ่ๆ ก็จะทยอยกลับมาแข่งขันกันอีกครั้ง โดยสำหรับฟุตบอลอังกฤษ จะมีรายการลีก คัพ หรือคาราบาว คัพ มาให้หายคิดถึงก่อนช แต่สำหรับ แฟนบอลเชลซี อาจจะเหงาซักหน่อย หลังจากทีมรักของพวกเขา ได้ตกรอบไปแล้ว วันนี้เลยจะพาไปดู แชมป์ลีก คัพ 2015 ครั้งสุดท้ายของ เชลซี ว่าพวกเขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง

แชมป์ลีก คัพ 2015 ครั้งสุดท้ายของ เชลซี พวกเขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง

โดยในปีดังกล่าว พวกเขาเริ่มจากรอบ 3 เพราะทีมที่ได้ ไปเล่นฟุตบอลยุโรป จะได้สิทธิ์เข้ามารอ ในรอบนี้เลยทันที ซึ่งในปีนั้น พวกเขาต้องเปิดบ้าน รับการมาเยือนของ โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส ทีมจากเดอะ แชมเปี้ยนชิพ

ซึ่งเป็นธรรมดา ของทีมใหญ่ๆ ที่จะส่งนักเตะเยาวชน ผสมกับตัวสำรอง ลงเล่นในรายการนี้ โดยเฉพาะรอบแรกๆ แต่ต้องบอกว่าทาง โฆเซ่ มูรินโญ่ กุนซือของทีมในขณะนั้น ส่งตัวหลักลงหลายคน

ถึงอยากนั้น ผลในเกมนี้ พวกเขาเบียดชนะไปได้ 2-1 โดยได้ประตูออกนำก่อนจาก เคิร์ต ซูม่า ในช่วงกลางครึ่งแรก ก่อนที่ แมตต์ มิลส์ จะใช้เวลาเพียง 5 นาที ในการทำประตูตีเสมอ ให้กับผู้มาเยือน ก่อนที่ในช่วงครึ่งหลัง ออสการ์ จะมายิงประตูชัย พาทีมผ่านเข้ารอบต่อไป

ในรอบที่ 4 พวกเขาต้องบุกไปเยือน ชรูว์สบิวรี่ ทาวน์ ทีมจากลีกทู ณ ขณะนั้น ซึ่งเกมนี้ทาง มูรินโญ่ ก็ส่งนักเตะชุดเดิมๆ ลงเล่น โดยมีการปรับ ดร็อกบา ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง แทนที่ โลอิก เรมี่

ซึ่งทาง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ก็เป็นคนยิงประตูให้ทีมขึ้นนำ ในช่วงต้นครึ่งหลัง ก่อนที่เจ้าบ้าน จะตามตีเสมอได้ในช่วงท้ายเกมจาก แอนดี้ แมนแกน แต่ก่อนหมดเวลาไม่กี่นาที สิงโตน้ำเงินคราม มาได้ประตูที่สอง จากการทำเข้าประตูตัวเองของ เจอร์เมน แกรนดิสัน ทำให้ เชลซี เอาชนะไปได้ 2-1 ผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ

ในรอบก่อนรองชนะเลิศ พวกเขาต้องเจอกับ ดาร์บี้ เคาท์ตี้ จากเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ซึ่งต้องบอกเลยว่าทาง เชลซี ปรับทัพ โดยส่งตัวหลักลงเล่น เยอะพอสมควร และในเกมนี้ พวกเขาก็ทำได้เหนือกว่า โดยสามารถเอาชนะไปได้ 3-1

โดยมาได้ประตูขึ้นนำจาก เอแดน อาซาร์ ในช่วงกลางครึ่งแรก ก่อนที่ต้นครึ่งหลัง เฟลิเป้ หลุยส์ จะมาบวกประตูที่สองให้ทีม อย่างไรก็ตามทาง แกะเขาเหล็ก ก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ตามตีไข่แตกได้จาก เคร็ก ไบรสัน ในช่วงกลางครึ่งหลัง อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายเกม อันเดร ชูร์เล่ จะมายิงประตูปิดกล่องให้กับทีม ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ

รอบรองชนะเลิศ พวกเขาจับมาเจอกับ ลิเวอร์พูล โดยในเลกแรกนั้น ต้องไปเล่นกันที่ แอนฟิลด์ แน่นอนว่าเกมใหญ่ระดับนี้ จ่ามู ส่งผู้เล่นชุดใหญ่ลงทั้งหมด ซึ่งก็ได้เรื่องเลย เมื่อพวกเขาออกนำก่อน จากการสังหารจุดโทษของ เอแดน อาซาร์ ในช่วงต้นเกม

อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งหลัง ราฮีม สเตอร์ลิง ยิงให้เจ้าบ้าน ตามตีเสมอมาเป็น 1-1 แต่สกอร์นี้ก็ถือว่า เป็นผลดีกับทาง สิงโตน้ำเงินคราม อยู่พอสมควร หากดูจากรูปเกมที่โดนทาง หงส์แดง พับสนามบุกเข้าใส่ แถมมีโอกาสได้ประตูอยู่หลายหน

ส่วนในเลกที่สอง ต้องกลับไปเล่นกันที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ซึ่งในเกมนี้ทาง เชลซี สู้ได้ดีขึ้นมากกว่าเกมแรกเยอะ และมีโอกาสยิงประตูขึ้นนำหลายหน แต่สุดท้ายแล้ว ทั้งสองทีมก็ทำอะไรกันไม่ได้ ต้องต่อเวลาพิเศษ แต่เริ่มมาไม่กี่นาที บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ก็มาโหม่งประตูชัย จากลูกฟรีคิก ทำให้รวมผลสองนัด เชลซีผ่านเข้าชิง ด้วยสกอร์ 2-1

ในรอบชิงชนะเลิศ พวกเขาต้องเจอกับ เพื่อนร่วมเมืองอย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และแน่นอนว่า พวกเขามาด้วยทีมชุดที่ดีที่สุด อาจจะยกเว้นตำแหน่งผู้รักษาประตู ที่ส่วนใหญ่แล้ว ในฤดูกาลนั้นจะใช้ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ลงเล่นเป็นมือหนึ่ง แต่มือสองอย่าง ปีเตอร์ เช็ค ฝีมือก็ไม่ได้เป็นรอง

โดยฝั่งที่ออกนำไปก่อน เป็นฝ่าย เชลซี ที่มาได้ประตูขึ้นนำในช่วงท้ายครึ่งแรก จากจังหวะเตะมุม ที่ทาง ไก่เดือยทอง เคลียกันไม่ขาด บอลมาเข้าเท้า จอห์น เทอร์รี่ ยิงเข้าไปให้ทีม ชิงความได้เปรียบได้ก่อน ในช่วงครึ่งเวลาแรก

ก่อนที่ในครึ่งหลัง จะเป็น ดิเอโก้ คอสต้า ที่ยิงไปแฉลบ ไคล์ วอล์คเกอร์ เข้าประตูไป ทำให้ทาง สิงโตน้ำเงินคราม หนีห่างไปเป็น 2-0 ซึ่งเวลาที่เหลืออยู่ ทั้งสองทีมไม่มีใคร ทำประตูกันเพิ่มได้ ทำให้ เชลซี คว้าแชมป์ลีก คัพ เป็นสมัยที่ 5 ของพวกเขาเอง และยังเป็นครั้งสุดท้าย ที่พวกเขาคว้าแชมป์ได้ในรายการนี้