Latest Post

นักเตะแชมป์โลก ที่เคยอยู่ เชลซี มีใครกันบ้าง นักเตะเชลซี ฟุตบอลโลก 2022 ใครไปได้ไกลที่สุด

เชื่อว่าหลังจาก ผ่านไป 5 เกมแล้ว แฟนบอลเชลซี เกือบทุกคน น่าจะได้เห็น ความแตกต่าง เชลซี ยุค ทูเคิ่ล-พอตเตอร์ กันพอประมาณ ซึ่งวันนี้จะเป็นหัวข้อ ที่พวกเราจะมาคุยกัน ว่าความแตกต่างของทีม ในยุคของกุนซือสองคนล่าสุดนั้น มีอะไรที่เปลี่ยนไปบ้าง

ความแตกต่าง เชลซี ยุค ทูเคิ่ล-พอตเตอร์ มีอะไรบ้าง

อย่างแรกต้องบอกเลยว่า เชลซี นั้นประสบความสำเร็จ ในการเล่นระบบเกมรับ ที่มีเซ็นเตอร์แบ็ค 3 คน มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ยุคของ คอนเต้ ที่สามารถคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้สำเร็จ เป็นครั้งล่าสุด ก่อนที่ในยุคของ ซาร์รี่ และ แลมพาร์ด พวกเขาจะปรับมาเล่นหลังสี่

แต่หลังจาก โธมัส ทูเคิ่ล เข้ามาคุมทีม ในช่วงต้นปี 2011 พวกเขาก็ปรับมาเล่น ในแผนหลัง 3 อีกครั้ง จนสามารถคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาได้ในฤดูกาล 2020-21 ทำให้แผนดังกล่าว อยู่คู่กับ เชลซี มาโดยตลอด

สิ่งแรกที่ แกรห์ม พ็อตเตอร์ เข้ามาเปลี่ยน คือการกลับไปใช้ แผงหลัง 4 คน เหมือนกับสมัยที่เจ้าตัว คุมสโมสร ไบรท์ตัน แอนด์ โฮลฟ์ อัลเบี้ยน ซึ่งก็อาจจะทำให้ นักเตะหลายคน ยังไม่คุ้นชินมากนัก เพราะอย่าลืมว่าตัวของ พอตเตอร์ เองก็เข้ามาคุมทีม ในช่วงที่ฤดูกาลได้เริ่มต้นไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม เชลซี ในยุคของ พอตเตอร์ มีการสลับไปใช้ แผงหลัง 3 ในเกมยุโรป และจากที่อาการไม่ค่อยดี เก็บได้เพียงแต้มเดียว จากสองนัดแรก กลับพลิกสถานการณ์ ด้วยการเอาชนะ เอซี มิลาน ได้แบบไปกลับ เก็บได้ถึง 6 แต้มเต็ม โอกาสผ่านเข้ารอบต่อไป ค่อนข้างจะสดใส

ส่วนในลีกที่ใช้ กองหลัง 4 คน ก็ทำผลงานได้ค่อนข้างดี เก็บชัยในลีกได้ 2 นัดติดต่อกัน ทำให้เผลอแปปเดียว พวกเขาขึ้นมาอยู่ ในอันดับ 4 ของตาราง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยการมีถึง 16 คะแนน

อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลง ที่ค่อนข้างสำคัญ คือตำแหน่ง ผู้รักษาประตูมือ 1 ของทีม เพราะหลังจากการเข้ามาของ เอดูอาร์ เมนดี้ พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างมาก ในการพาทีมคว้าแชมป์ ยูซีแอล ต่อด้วยถ้วยยูฟ่า ซูเปอร์คัพ และแชมป์ฟุตบอล ชิงแชมป์สโมสรโลก

สิ่งเดียวที่เป็นจุดอ่อนของ เมนดี้ คือการเล่นบอลด้วยเท้า ที่ทำให้เกิดความผิดพลาด จนเสียประตูอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งการมาของ พอตเตอร์ ดันเป็นช่วงที่ เมนดี้ ได้รับอาการบาดเจ็บ จนเป็นโอกาสของ เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า ที่กลายเป็นตัวสำรอง มาสองฤดูกาล

ผลงานของ เกป้า ถือว่าเข้าตาอย่างมาก โดยเฉพาะการเล่นบอลด้วยเท้า จนทำให้แม้แต่เมื่อ เมนดี้ หายจากอาการบาดเจ็บ ยังคงเป็นทาง เกป้า ที่ได้รับโอกาส ในการลงเล่นเป็นตัวจริง ทั้ง 5 นัด ตั้งแต่ พอตเตอร์ เข้ามาคุมทีม ซึ่งพวกเขาเสียไปเพียง 2 ประตูเท่านั้น

หากเทียบกับสมัยที่ ทูเคิ่ล คุมทีมอยู่ แม้พวกเขาจะเป็นทีม ที่เซ็ตบอลตั้งแต่แนวหลัง แต่ผู้รักษาประตู ไม่ได้มีบทบาทมากนัก จากการเล่นแผนหลัง 3 จนภาระส่วนใหญ่ ตกเป็นของ ติอาโก้ ซิลวา ที่เล่นเป็น ปราการหลังตัวกลาง

แต่บอลของ พอตเตอร์ เป็นบอลที่บิวอัพจากหลังโดยแท้จริง เหมือนกับสไตล์การทำทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และ เจอร์เก้น คล็อปป์ จึงทำให้หน้าที่ ของผู้รักษาประตู ที่จำเป็นต้องใช้เท้าด้วยดี เป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ ณ วันนี้ เกป้า ได้รับโอกาส ในการลงเล่นก่อนตัวของ เมนดี้

และสิ่งที่สำคัญ คือเกมรุกของทีม ดูมีมิติมากขึ้น จากเดิมที่หวังให้ แบ็คซ้ายขวา สลับกันขึ้นมาเติม จนเราได้เห็นชื่อของ รีซ เจมส์ และ เบน ชิลเวลล์ มีชื่อเป็นผู้ทำประตู อยู่บ่อยครั้ง แต่ตอนนี้บทบาทของ แนวรุก 4 ตัวบน ดูมีมากขึ้นจากเดิม ด้วยแผนการเล่น ที่ค่อนข้างชัดเจน

เชื่อได้เลยว่าเหล่า แฟนบอลเชลซี น่าจะเคยเหนื่อยหน่าย กับเกมรุกของทีมในยุคของ ทูเคิล ที่ดูไร้จินตนาการ เคาะไปเคาะมา แต่จากการดู สิงโตน้ำเงินคราม ในยุคของ แกรห์ม พอตเตอร์ เล่นกันแล้ว เชื่อว่าหลายคน น่าจะเบาใจขึ้นเยอะ กับอะไรๆ ที่มันดูเป็นรูปเป็นร่าง

แต่สุดท้ายต้องรอดู ว่าเมื่อเวลามันผ่านไปซักระยะนึงแล้ว อะไรๆ มันจะยังดูดีขึ้นเรื่อยๆ หรือไม่ เพราะเชื่อเหลือเกินว่าทุกคนคงเคยได้เห็น ช่วงฮันนีมูน ของอดีตกุนซือแต่ละคน ที่เคยเอาชื่อมาทิ้งไว้ที่นี่กันนักต่อนักแล้ว